
ไทยบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ เต็มเรื่อง ดูหนัง หมอปลาวาฬ
ภาพยนตร์ไทย Romantic Comedy] หมอปลาวาฬ ไทบ้านเดอะซีรีย์ เมื่อหมอสาวสวยต้องเลือกเส้นทางรักที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ คนที่เคยฮักกันเคยมีหยั๋งกันแล้วมันสิกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกได่อยู่บ้อหนังอีสานมาดอบอุ่นตะกูลจักรวาลไทบ้าน ที่มาในนาม หมอปลาวาฬพร้อมมาดใหม่ไทบ้านแบบโรแมนติกดราม่าเมื่อหมอปลาวาฬกำลังจะเปิดใจให้กับใครสักคน ประจวบเหมาะกับจ่าลอดอยากจะกลับมาเป็นเพื่อนกับหมอปลาวาฬ คนเคยฮักกันต้องมาลองเป็นหมู่กันสถานะของคำว่าเพื่อนที่แฝงไปด้วยความฮู้สึกที่มากกว่าเพื่อน ยิ่งพยามเป็นเพื่อนก็ยิ่งฮู้สึกว่ามันมากกว่าเพื่อน จนจ่าลอดต้องตัดสินใจพิสูตรความรู้สึกที่มันรู้สึกรักหมอปลาวาฬทั้งๆที่ตัวเองก็มีครูแก้วอยู่แล้ว เรื่องราวจะเป็นอย่างไร จ่าลอดจะเลือกใครคนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดอย่างครูแก้ว หรือ รักแรกที่ลืมบ่ได้อย่างหมอปลาวาฬ ตามได้ใน หมอปลาวาฬ หนังอีสานมาสโรแมนติกดราม่า
ในฐานะที่เป็นคนที่ชอบหนังจากจักรวาลไทบ้านอยู่แล้ว การได้ตามติดชีวิตตัวละครที่ชื่นชอบว่าจะลงเอยต่อไปอย่างไรเป็นสิ่งที่ให้ความรู้สึกที่ดีมาก หมอปลาวาฬและจาลอดยังคงรักกันในขณะที่มีครูแก้วเป็นตัวเป็นตนแล้ว หนังบีบคั้นอารมณ์ความรู้สึกจากทุกตัวละครมาสู่คนดูได้อย่างสมจริงสมบูรณ์แบบ ภาคนี้เน้นกล่าวถึงเฉพาะความรักของจาลอด กับหมอปลาวาฬและครูแก้วเท่านั้นเพราะเหมือนจะทำให้เป็นภาคแยกที่มีเนื้อหาต่อเนื่อง ตัวละครอื่นจึงลดบทบาทลงไปแต่ก็ยังให้ความสำคัญอยู่ แต่เนื่องจากเป็นโรแมนติกดราม่าความตลกจึงหายไปมาก อย่างไรก็ดีหนังเรื่องนี้ก็ยังมีคุณภาพถึงขนาดให้คะแนนได้ 9 เต็ม 10 ยังคงมีผลงานออกมาให้ชมเรื่อย ๆ สำหรับหนังในจักรวาลไทบ้านเดอะซีรีส์ แต่หากไม่นับ ‘รักหนูมั้ย’ ที่เหมือนเป็นแค่การใช้นักแสดงชุดเดียวกันมาเล่าเรื่องใหม่ ‘หมอปลาวาฬ’ จะนับเป็นงานหนังสปินออฟลำดับที่ 2 ต่อจาก ‘ไทบ้านXBNK 48’ โดยแน่นอนว่าการที่หนังใช้ชื่อตัวละครอย่างหมอปลาวาฬมาเป็นจุดขายย่อมหมายถึงการที่เราจะได้เห็นเรื่องราวมุมมองความสัมพันธ์จากฝั่งผู้หญิงอย่างหมอปลาวาฬว่าทำไมในหนัง ‘ไทบ้านเดอะซีรีส์’ เธอถึงยังตัดใจจากจ่าลอดไม่ได้เสียที
คนที่เคยฮักกัน เคยมีหยั๋งกัน แล้วมันสิกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกได่อยู่บ่? เมื่อหมอปลาวาฬกำลังจะเปิดใจให้กับใครสักคน ประจวบเหมาะกับ จ่าลอด อยากจะกลับมาเป็นเพื่อนกับ หมอปลาวาฬ คนที่เคยฮัก ต้องมาลองเป็นหมู่กัน สถานะของคำว่าเพื่อนที่แฝงไปด้วยความฮู้สึกที่มากกว่าเพื่อน ยิ่งพยามเป็นเพื่อน ก็ยิ่งฮู้สึกว่ามันมากกว่าเพื่อน จนจ่าลอดต้องตัดสินใจพิสูจน์ความรู้สึกที่มันรู้สึกรักหมอปลาวาฬ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มี ครูแก้ว อยู่แล้วทั้งคน แล้วจ่าลอดจะเลือกใคร ระหว่างคนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด อย่าง ครูแก้ว หรือ รักแรกที่ลืมบ่ได้อย่าง หมอปลาวาฬ
สำหรับในภาคแยกเรื่องนี้ หนังยังคงได้ “สุรศักดิ์ ป้องศร” ผู้กำกับจากหนังชุดหลักมาช่วยสานต่อเรื่องราวในภาคนี้ พร้อมกับที่งานเซิ้งที่ยังฟอร์มทีมจัดเต็มกับหนังเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยหนังก็ยังคงได้ทีมนักแสดงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี กลับมารับบทที่กลายเป็นชีวิตของพวกเขาไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “ด้งเด้ง-ณัฐวุฒิ แสนยะบุตร”, “ฟิฟิล์ม-สิริอมร อ่อนคูณ” และ “นะโม-ธันวาพร นาสมบัติ”
ผู้เขียนพยายามจะเปิดใจดูหนังไทยแล้วละหลังจากอกหักมาหลายเรื่องมากเลยลองเปิดในไปดูหนังไทยอีสานบ้างถ้าจะดีพูด ซีรีย์ตระกูลไทบ้านก็ยังทำออกมาได้เรื่อย ๆยังคงมีผลงานออกมาให้ชมมาตลอดสำหรับหนังในจักรวาลไทบ้านเดอะซีรีส์ แต่หากไม่นับ ‘รักหนูมั้ย’ ที่เหมือนเป็นแค่การใช้นักแสดงชุดเดียวกันมาเล่าเรื่องใหม่ ‘หมอปลาวาฬ’ จะนับเป็นงานหนังสปินออฟลำดับที่ 2 ต่อจาก ‘ไทบ้าน X BNK 48’
เรื่องราวของหนังเริ่มมาด้วยภาพอดีตตอนที่หมอปลาวาฬไม่อาจช่วยชีวิตคนตกน้ำได้และเป็นจ่าลอดนี่เองที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว และโดยที่ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาภาพก็ตัดมายุคปัจจุบันที่จะเล่าเรื่องหมอปลาวาฬที่ยังไม่อาจตัดใจจากจ่าลอดให้ขาดได้แม้จะมีหมอเต้ยสุดหล่อตามจีบอยู่ก็ตาม แต่แล้วก็เป็นจ่าลอดเองที่อาศัยช่วงเวลาที่ครูแก้วแฟนสาวตัวจริงพานักเรียนไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัดหาช่องทางกลับไปตีสนิทหมอปลาวาฬจนเกิดเป็นความผูกพันครั้งใหม่ที่ต้องเลือกระหว่างความต้องการกับความถูกต้อง
เอาจริง ๆ ผู้เขียนค่อนข้างจะชินชามากเลยเพราะพลอตเรื่องของ ‘หมอปลาวาฬ’ นี่แทบไม่มีอะไรเหลือให้เล่าอีกแล้ว แต่หากจะให้เปรียบเทียบกับมาเวลก็คงทับรอยเดียวกับ ‘Black Widow’ ของมาร์เวลนั่นแหละครับคือเอาตัวละครที่คนดูรักแม้ว่าจะไม่ค่อยมีบทบาทเป็นชิ้นเป็นอันในหนังภาคต่อของ ‘ไทบ้านเดอะซีรีส์’ เท่าไหร่ จะเละก็ไม่เละเหมือนนั่งฟังเรื่องผีแนวกฎที่บอกแค่กฎพอจะเข้าเนื้อเรื่องก็ตัดจบมันน่าโมโหจริง ๆ แบบพออิน ๆ อ้าวจบแล้วไรว่ะ นอกจากนี้ยังแนะนำตัวละครใหม่อย่างหมอเต้ยที่ได้อดีตครูเต้ยดาราดัง อภิวัฒน์ บุญอเนกมาโชว์หน้าหล่อ ๆ อยู่ซีนถ้วนซึ่งเราก็คงเดาตอนจบได้ไม่ยากว่าหนังจะต้องเล่นงานกับชะตากรรมของหมอปลาวาฬอย่างหนักหน่วงก่อนเธอจะก้าวข้ามมะเร็งหัวใจอย่างจ่าลอดไปได้
หนังเริ่มมาด้วยภาพอดีตตอนที่หมอปลาวาฬไม่อาจช่วยชีวิตคนตกน้ำได้และเป็นจ่าลอดนี่เองที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว และโดยที่ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาภาพก็ตัดมายุคปัจจุบันที่จะเล่าเรื่องหมอปลาวาฬที่ยังไม่อาจตัดใจจากจ่าลอดให้ขาดได้แม้จะมีหมอเต้ยสุดหล่อตามจีบอยู่ก็ตาม แต่แล้วก็เป็นจ่าลอดเองที่อาศัยช่วงเวลาที่ครูแก้วแฟนสาวตัวจริงพานักเรียนไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัดหาช่องทางกลับไปตีสนิทหมอปลาวาฬจนเกิดเป็นความผูกพันครั้งใหม่ที่ต้องเลือกระหว่างความต้องการกับความถูกต้อง
จะนับเป็นงานหนังสปินออฟลำดับที่ 2 ต่อจาก “ไทบ้านXBNK 48” แน่นอนว่าการที่หนังใช้ชื่อตัวละครอย่างหมอปลาวาฬมาเป็นจุดขายย่อมหมายถึง
การที่เราจะได้เห็นเรื่องราวมุมมองความสัมพันธ์จากฝั่งผู้หญิงอย่างหมอปลาวาฬ
ว่าทำไมในหนัง “ไทบ้านเดอะซีรีส์” เธอถึงยังตัดใจจากจ่าลอดไม่ได้เสียที หนังเริ่มมาด้วยภาพอดีตตอนที่หมอปลาวาฬไม่อาจช่วยชีวิตคนตกน้ำได้
และเป็นจ่าลอดนี่เองที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว และโดยที่ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาภาพก็ตัดมายุคปัจจุบันที่จะเล่าเรื่องหมอปลาวาฬที่ยังไม่อาจตัดใจจากจ่าลอดให้ขาดได้
กระนั้นในความไม่มีอะไรของพล็อตเรื่องมันก็ยังแอบมีจุดน่าสนใจหลายอย่างที่ทำให้เราเห็นว่าผู้กำกับหนัง สุรศักดิ์ ป้องศร มีความเข้าใจในเนื้อหาที่ตัวเองกำลังจะเล่าโดยเฉพาะการดึงให้อนามัยกลายเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้านมาเปรียบเทียบกับเรื่องหัวใจของหมอปลาวาฬที่แม้จะมีความรู้รักษาคนไข้ได้มากแค่ไหน แต่เรื่องหัวใจก็ยังเห็นเธอปรึกษาเพื่อนร่วมสถานีอนามัยหรือกระทั่งเลือก “จ่ายยาผิด” ให้ตัวเองจนกว่าจะบรรเทาอาการ เธอก็กลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องแลกหัวใจของเธอกับความโลเลและหลายใจของจ่าลอด
แม้จะมีหมอเต้ยสุดหล่อตามจีบอยู่ก็ตาม แต่แล้วก็เป็นจ่าลอดเองที่อาศัยช่วงเวลาที่ครูแก้วแฟนสาวตัวจริง
พานักเรียนไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัดหาช่องทางกลับไปตีสนิทหมอปลาวาฬ
จนเกิดเป็นความผูกพันครั้งใหม่ที่ต้องเลือกระหว่างความต้องการกับความถูกต้อง คือเอาตัวละครที่คนดูรักแม้ว่าจะไม่ค่อยมีบทบาทเป็นชิ้นเป็นอันในหนังภาคต่อของ
“ไทบ้านเดอะซีรีส์” เท่าไหร่ และยังแนะนำตัวละครใหม่ (หรือเปล่า?)
อย่างหมอเต้ยที่ได้อดีต”ครูเต้ย – อภิวัฒน์ บุญอเนก”มาโชว์หน้าหล่อ ๆ อยู่ 1 ซีนถ้วน
ซึ่งเราก็คงเดาตอนจบได้ไม่ยากว่าหนังจะต้องเล่นงานกับชะตากรรมของหมอปลาวาฬ
อย่างหนักหน่วงก่อนเธอจะก้าวข้ามมะเร็งหัวใจอย่างจ่าลอดไปได้ กระนั้นในความไม่มีอะไรของพล็อตเรื่องมันก็ยังแอบมีจุดน่าสนใจหลายอย่าง
ที่ทำให้เราเห็นว่า สุรศักดิ์ ป้องศร มีความเข้าใจในเนื้อหาที่ตัวเองกำลังจะเล่าโดยเฉพาะการดึงให้อนามัยกลายเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งบทหนังก็ใช้ประโยชน์จากการที่แพทย์อาสาสมัครต้องติดตามคนไข้ผู้เฒ่าผู้แก่ให้มาคอยรับยารักษาโรคเป็นประจำสร้างภาพลักษณ์ของแพทย์ประจำท้องถิ่นที่ต้องต่อสู่ กับความเชื่อของชาวบ้านเรื่องสุขภาพ มาเปรียบเทียบกับเรื่องหัวใจของหมอปลาวาฬที่แม้จะมีความรู้รักษาคนไข้ได้มากแค่ไหนแต่เรื่องหัวใจก็ยังเห็นเธอปรึกษาเพื่อนร่วมสถานีอนามัยหรือกระทั่งเลือก “ยาผิด”
ให้ตัวเองจนกว่าจะบรรเทาอาการ เธอก็กลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องแลกหัวใจของเธอกับความโลเลและหลายใจของจ่าลอด
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์เฉพาะตัวของ “ฟิฟิน สิริอมร อ่อนคูณ” คือหัวใจของเรื่องราวจริง ๆ แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของหมอปลาวาฬ ที่จับเธอใส่แว่นแต่งหน้าอ่อน ๆ แต่แอบแซ่บด้วยรอยสักจะทำให้หนุ่ม ๆ แทบคลั่งทุกครั้งที่เธอปรากฎตัวแต่เป็นฝีมือการแสดงของเธอต่างหากที่ทำให้ เรื่องราวที่หวุดหวิดจะน้ำเน่ากลับมีมิติและมีหัวจิตหัวใจมากพอให้คนดูติดตาม
ร่วมลุ้นและอดเห็นใจกับชะตากรรมของเธอไม่ได้ กระนั้นความดีของนักแสดงหรือตัวบทที่ยังทำงานกับคนดูก็กลับมามัวหมองด้วยข้อผิดพลาดด้านโปรดักชันที่พบเจอได้รายทางตั้งแต่ซีนบทสนทนาที่คนดูได้ยินเสียงไมค์ไวร์เลสขูดกับเสื้อได้ชัดเจนเสียงพูดที่หลายครั้งก็ให้ความรู้สึกเหมือนบันทึกมาด้วยเกนเสียงที่พีคจนฟังแทบไม่รู้เรื่องจนถึงเสียงบางช่วงที่ติดไวร์เลสไม่ได้ก็เหมือนได้ยินจากไมค์กล้องจนคุณภาพเสียงกลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนคุณภาพของงานไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ด้านงานภาพแม้ว่าสไตล์นำเสนอที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของหนังชุดนี้ทั้งการแทร็กกิ้งตามตัวละครเดินข้ามถนนไปมาหรือการถ่ายรับหน้าเพื่อสื่ออารมณ์โดยไม่ต้องมีคำพูด
จะยังคงมีให้เห็นทั่วไปและทำงานได้ดีอยู่ แต่พอมีบางช็อตที่เห็นเลยว่าแก้ปัญหาแสงเปลี่ยนด้วยการใส่ฟิลเตอร์แสงส้มปลอม ๆ เข้ามาก็กลายเป็นรอยด่างพร้อยอันน่าเสียดาย
เอาจริง ๆ พลอตเรื่องของ ‘หมอปลาวาฬ’ นี่แทบไม่มีอะไรเหลือให้เล่าอีกแล้ว แต่หากจะให้เปรียบเทียบกับหนังซูเปอร์ฮีีโรก็คงทับรอยเดียวกับ ‘Black Widow’ ของมาร์เวลนั่นแหละครับคือเอาตัวละครที่คนดูรักแม้ว่าจะไม่ค่อยมีบทบาทเป็นชิ้นเป็นอันในหนังภาคต่อของ ‘ไทบ้านเดอะซีรีส์’ เท่าไหร่ และยังแนะนำตัวละครใหม่ (หรือเปล่า?) อย่างหมอเต้ยที่ได้อดีตครูเต้ย – อภิวัฒน์ บุญอเนกมาโชว์หน้าหล่อ ๆ อยู่ 1 ซีนถ้วนซึ่งเราก็คงเดาตอนจบได้ไม่ยากว่าหนังจะต้องเล่นงานกับชะตากรรมของหมอปลาวาฬอย่างหนักหน่วงก่อนเธอจะก้าวข้ามมะเร็งหัวใจอย่างจ่าลอดไปได้
กระนั้นในความไม่มีอะไรของพล็อตเรื่องมันก็ยังแอบมีจุดน่าสนใจหลายอย่างที่ทำให้เราเห็นว่า สุรศักดิ์ ป้องศร มีความเข้าใจในเนื้อหาที่ตัวเองกำลังจะเล่าโดยเฉพาะการดึงให้อนามัยกลายเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งบทหนังก็ใช้ประโยชน์จากการที่แพทย์อาสาสมัครต้องติดตามคนไข้ผู้เฒ่าผู้แก่ให้มาคอยรับยารักษาโรคเป็นประจำสร้างภาพลักษณ์ของแพทย์ประจำท้องถิ่นที่ต้องต่อสู่กับความเชื่อของชาวบ้านเรื่องสุขภาพ
มาเปรียบเทียบกับเรื่องหัวใจของหมอปลาวาฬที่แม้จะมีความรู้รักษาคนไข้ได้มากแค่ไหน แต่เรื่องหัวใจก็ยังเห็นเธอปรึกษาเพื่อนร่วมสถานีอนามัยหรือกระทั่งเลือก “ยาผิด” ให้ตัวเองจนกว่าจะบรรเทาอาการ เธอก็กลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องแลกหัวใจของเธอกับความโลเลและหลายใจของจ่าลอด
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์เฉพาะตัวของ ฟิฟิน สิริอมร อ่อนคูณ คือหัวใจของเรื่องราวจริง ๆ แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของหมอปลาวาฬที่จับเธอใส่แว่นแต่งหน้าอ่อน ๆ แต่แอบแซ่บด้วยรอยสักจะทำให้หนุ่ม ๆ แทบคลั่งทุกครั้งที่เธอปรากฎตัวแต่เป็นฝีมือการแสดงของเธอต่างหากที่ทำให้เรื่องราวที่หวุดหวิดจะน้ำเน่ากลับมีมิติและมีหัวจิตหัวใจมากพอให้คนดูติดตาม ร่วมลุ้นและอดเห็นใจกับชะตากรรมของเธอไม่ได้
กระนั้นความดีของนักแสดงหรือตัวบทที่ยังทำงานกับคนดูก็กลับมามัวหมองด้วยข้อผิดพลาดด้านโปรดักชันที่พบเจอได้รายทางตั้งแต่ซีนบทสนทนาที่คนดูได้ยินเสียงไมค์ไวร์เลสขูดกับเสื้อได้ชัดเจน เสียงพูดที่หลายครั้งก็ให้ความรู้สึกเหมือนบันทึกมาด้วยเกนเสียงที่พีคจนฟังแทบไม่รู้เรื่องจนถึงเสียงบางช่วงที่ติดไวร์เลสไม่ได้ก็เหมือนได้ยินจากไมค์กล้องจนคุณภาพเสียงกลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนคุณภาพของงานไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ยอมรับที่คนเข้ามาเพราะลูกหาบ BNK48 ฐานแฟนเยอะมากระดับวาฬก็มีเลยปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์และแรงอวยมาจากตัวของ ฟิฟิน สิริอมร อ่อนคูณ คือหัวใจของเรื่องราวจริง ๆ แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของหมอปลาวาฬที่จับเธอใส่แว่นแต่งหน้าอ่อน ๆ แต่หว่านเสน่ห์ด้วยรอยสักจะทำให้หนุ่ม ๆ แทบคลั่งทุกครั้งที่เธอปรากฎตัวแต่เป็นฝีมือการแสดงของเธอต่างหากที่ทำให้เรื่องราวที่หวุดหวิดจะน้ำเน่ากลับมีมิติและมีหัวจิตหัวใจมากพอให้คนดูติดตาม ร่วมลุ้นและอดเห็นใจกับชะตากรรมของเธอไม่ได้เป็นแบบนี้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปดูต่อเองเพราะ….ถ้าสปอยหมดหนังขายตั๋วไม่ได้เราจะซวยด้วย
ด้านงานภาพแม้ว่าสไตล์นำเสนอที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของหนังชุดนี้ทั้งการแทร็กกิ้งตามตัวละครเดินข้ามถนนไปมาหรือการถ่ายรับหน้าเพื่อสื่ออารมณ์โดยไม่ต้องมีคำพูดจะยังคงมีให้เห็นทั่วไปและทำงานได้ดีอยู่ แต่พอมีบางช็อตที่เห็นเลยว่าแก้ปัญหาแสงเปลี่ยนด้วยการใส่ฟิลเตอร์แสงส้มปลอม ๆ เข้ามาก็กลายเป็นรอยด่างพร้อยอันน่าเสียดาย
และคงไม่เป็นการสปอยล์ถ้าจะบอกว่าตอนท้ายเรื่องแอบมีหยอดฉากที่บักเซียงอีกหนึ่งตัวละครที่คนดูรักและเห็นใจกำลังจะกลับมาอีกครั้งกับ ‘จักรวาลไทบ้าน สัปเหร่อ’ ที่คราวนี้จักรวาลไทบ้านจะมาในรูปแบบหนังโรแมนติกสยองขวัญเมื่อบักเซียง (ชาติชาย ชินศรี) ยังคงตัดใจจากคนรักที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับไม่ได้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่หลายคนได้ดูต้องตั้งตารออย่างแน่นอน
หนังออกฉายไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยกระแสภาคนี้อาจจะเงียบกว่าภาคหลักไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่ายังประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ เพราะสามารถโกยเงินรายได้จากการฉายทั่วประเทศไปได้เกือบ 15 ล้านบาทเลยทีเดียว และยังสามารถช่วยต่อลมหายใจให้กับจักรวาลไทบ้านแห่งนี้ ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีแฟน ๆ ให้การต้อนรับการอบอุ่นเช่นเคย รีวิวหนัง ไทยบ้านเดอะซีรีส์ หมอปลาวาฬ
ประเภท: โรแมนติก / ดราม่า
นำแสดงโดย: ณัฐวุฒิ แสนยะบุตร, สิริอมร อ่อนคูณ, ธันวาพร นาสมบัติ
กำกับโดย: สุรศักดิ์ ป้องศร
ความยาว: 123 นาที
เข้าฉายครั้งแรก: 10 มีนาคม 2565 ดูกันเยอะๆนะ หนังสนุกๆ