
Avatar 1 (2009) โลกใหม่ที่สุดตะลึงตาเหนือล้ำจินตนาการ เมื่อฮีโร่ผู้จำใจ ต้องออกเดินทางเพื่อปลดเปลื้องและบุกเบิก พร้อมเป็นผู้นำแห่งสงคราม เพื่อปกป้องโลกของมนุษย์ต่างดาว ที่เขาเรียกว่าบ้าน Avatar ถูกสร้างออกมาอย่างสมบูรณ์แบบด้วยวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีภาพยนตร์ ที่หลอมเราเข้าไปในโลกแห่งอารมณ์และเรื่องราวของตัวละครผู้ชมจะเข้าสู่โลกแพนโดราผ่านสายตาของ เจค ซัลลี่ อดีตนายทหารเรือผู้พิการที่ต้องนั่งบนรถเข็น แม้ว่าร่างกายไม่สมประกอบ แต่เจคก็ยังมีหัวใจนักรบ เขาได้รับเลือกให้ร่วมเดินทางหลายปีแสงไปยังดาว ที่ซึ่งมีเหมืองแร่ล้ำค่าหายากที่เป็นหัวใจสำคัญ ในการแก้ปัญหาพลังงาน ขาดแคลน ของโลก และเพราะชั้นบรรยากาศของดาวแพนโดราเป็นพิษต่อมนุษย์
วันนี้ เพราะพวกเรา nunghdmai ได้นำภาพยนต์ดีๆเรื่องใหม่ล่าสุดของไทย มาให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างจุใจ แบบไม่มีกระตุก ภาพชัด พากย์ไทย ไม่มีโฆษณาขั้นให้กวนใจ ต้องที่นี้เท่านั้น ดูหนังAvatar 1 ไม่เพียงเท่านั้น เรายังมีหนังต่างประเทศ เรื่องใหม่ล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น หนังฝรั่ง หนีงผี หนังตลก หนังต่างประเทศ หนังอินเดีย เราก็ยังมี หรือจะเป็น ซีรีย์เราก็มีครบ ทั้งซีรีย์เกาหลี ซีรีย์ฝรั่ง พวกเขาจึงต้องพัฒนาโปรแกรมอวตาร เพื่อแปลงสภาวะจิตของคนให้ไปอยู่ในร่างอวตาร และให้ควบคุมร่างกายได้ในภาวะอากาศที่เบาบาง
หลังจากห่างหายจากวงการภาพยนตร์ไปสิบกว่าปี ในที่สุด เจมส์ คาเมรอน ก็กลับมาพร้อมกับผลงานที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าวงการภาพยนตร์ และน่าจะกวาดรายได้และรางวัลอย่างท่วมท้นเรื่อง AVATAR ที่เขาทั้งกำกับ เขียนบทและร่วมพัฒนาเทคนิคพิเศษด้านภาพ ขึ้นมาใหม่ อวตารว่าด้วยเรื่องราวของนาวิกโยธินขาพิการ นามว่า เจค ซัลลี่ ที่เข้าร่วมโครงการอวตาร ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมใหม่ ที่จะถ่ายทอดจิตใจ ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์เข้าไปในร่างใหม่ โดยโครงการนี้ ฝ่ายทหารหวังให้กลุ่มอวตารนี้ เข้าไปแทรกแซงและสืบข้อมูลต่างๆของชาวเนวี ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองบนดวงจันทร์แพนดอร่า
ที่ซึ่งมีแหล่งแร่ที่มีค่ามหาศาลต่อมนุษย์ โดยหวังจะเข้าไปรุกรานและยึดครองพื้นที่ตรงนั้น แต่เมื่อเจค ได้เข้าไปเรียนรู้ สัมผัสกับวัฒนธรรม จิตใจและการใช้ชีวิตของชาวเนวี ทำให้เขาต้องหันกลับมามองการกระทำของฝ่ายมนุษย์เอง และตัดสินใจเข้าร่วมกับเนวีต่อต้านการรุกรานของมนุษย์
โครงเรื่องของหนังเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะถูกมองว่าธรรมดา ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก แต่ว่าการเล่าเรื่อง screenplay ของเรื่องนี้ ก็สามารถสร้างคุณค่าและความน่าติดตามให้กับหนังได้อย่างดี เนื้อหาของหนังเรื่องนี้ เป็นไปตามสูตรสำเร็จของโครงสร้างหนังแบบคลาสสิก สามารถคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆได้ไม่ยาก แต่กระนั้นก็ไม่ได้เป็นข้อเสีย เพราะความลงตัวและพิถีพิถันในการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆบนแพนดอร่า มุมมองของตัวละครเอกมีพัฒนาการไปเรื่อยๆ มี subplot และเหตุการณ์ย่อยต่างๆช่วยเสริม และเพิ่มระดับความขัดแย้งขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่ไคลแม็กซ์และบทสรุปท้ายเรื่อง ทำให้การเล่าเรื่องของอวตารสอบผ่านอย่างเห็นได้ชัด
หนังเริ่มด้วยการถ่ายทอดมุมมองตัวเจค ซัลลี่เกี่ยวกับพี่ชายของเขาและการมาเข้าร่วมโครงการอวตารนี้ ซึ่งเป็นการปูเรื่องสั้นๆ แต่ถ่ายทอดเรื่องราว ความคิดที่เป็นตัวตนของเจคได้อย่างดี ซึ่งตอนแรกนี้ หนังพยายามปูให้เจค เป็นตัวแทนคนธรรมดาคนนึง ที่โชคชะตาขีดให้เขามาทำหน้าที่แทนพี่ เขาไม่ได้มีฐานะทางการเงินที่ดี ประกอบกับขาที่พิการ ทำให้ตัวละครนี้มีแรงจูงใจในการเข้าร่วมโครงการอย่างดี ต่อมาหนังก็พาเราไปสู่ร่างอวตารอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยการออกภาคสนามครั้งแรก ที่พัดหลงกับกลุ่ม และหลังจากสู้เอาชีวิตรอดในป่ายามค่ำคืน ก็ได้พบกับเนย์ทิรี ที่มาช่วยชีวิตเจคไว้ เป็นช่วงที่หนังใช้เหตุการณ์เพียงน้อยนิด แต่ขับเคลื่อนเนื้อเรื่องไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถรับชมหนังแนวเฉพาะแบบนี้ได้ที่เรา ดูหนัง อวตาร 1
จากนั้นหนังก็ค่อยๆ เน้นเรื่องราวของฝั่งเนวีมากขึ้น โดยค่อยๆเพิ่มความสัมพันธ์ของเจค กับเนย์ทิรีขึ้นเรื่อยๆ จากความรำคาญต่อเจคที่ช่างไม่รู้วัฒนธรรมของเนวี ผ่านการทดสอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกขี่ม้า ยิงธนู การแกะรอยของพรานป่า ไปสู่การฝึกบินไปกับอิกราน เหล่านี้ล้วนทำให้ทั้งสองสนิทและเข้าใจกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ผู้ชมซึมซับ “จิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง”
หรือจิตใจที่บริสุทธิ์ของตัวละครหลักอย่างค่อยเป็น ค่อยไปและน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งรายละเอียดของฝั่งมนุษย์ โดยการเปิดที่ตั้ง ของ site งานที่อยู่บนเขา และสร้างให้ตัวละครรองอย่างนอร์มและดร.ออกัสทีน มีมิติมากขึ้น โดยตอนแรกที่เจคเข้าไปและเป็นที่ยอมรับของเนวี นอร์มก็รู้สึกอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆเข้าใจกัน เช่นเดียวกับ ดร.ออกัสทีน ที่ช่วงแรกยังไม่ค่อยยอมรับในตัวเจคและรู้ว่าเขาแอบไปรายงานกับฝ่ายทหารด้วย แต่ก็มีฉากที่เธอพาเจคไปนอน หรือจู้จี้เรื่องการกินของเจคที่สื่อว่า แท้จริงแล้วตัวละครนี้เป็นยังไง
หนังถ่ายทอดอารมณ์โรแมนติก ที่สวยงามและลงตัวมาก ทั้งในฉากที่ทั้งสองขี่อิกรานบินไปด้วยกัน หรือฉากรักภายใต้ผืนป่าเรืองแสง ต่อมาเมื่อเจคกับเนย์ทิรี ยอมรับความรักกันและกันแล้ว หนังก็ค่อยๆเปลี่ยนไปสู่อารมณ์แอ็คชัน โดยมีเหตุการณ์ที่เจคไปขัดขวางรถถางป่า ทำให้เขาเริ่มขัดแย้งกับฝ่ายทหาร มาสู่ฉากที่เถียงกันที่หอบังคับการ ฉากนี้นอกจากจะเฉลยความลับของดาวแพนดอร่าแล้ว
ยังนำประเด็นเรื่อง video logที่ปูไว้ตั้งแต่แรก มาใช้ให้ฝ่ายทหารอ้างการใช้กำลังได้ ช่วงหลังจากนี้หนังร้อยเรียงและเพิ่มระดับความขัดแย้งขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เจคขออาสาไปเจรจากับเนวี ฉากยกทัพไปถล่มโฮมทรี และตัดเจคกับดร.ออกัสทีนจากร่างอวตาร มาจนถึงที่กลุ่มพระเอกถูกจับไปขังและทรูดี้ตัดสินใจพาพวกเขาหลบหนีไปยัง site สำรองบนหุบเขา ช่วงนี้ยังแทรกเหตุการณ์ย่อยเข้ามาได้อย่างโดดเด่น คือการเขียนบทให้พ่อของเนย์ทิรีตาย เพื่อช่วยกดความรู้สึกของเนย์ทิรีให้เศร้ามาก และการให้ ดร.ออกัสทีนถูกยิงบาดเจ็บ เพื่อเปิดพลังอำนาจของเอวาไว้ก่อน ซึ่งถึงแม้จะไม่สามารถช่วยชีวิตเกรซได้ แต่ก็เป็นการปูไปสู่จุดจบที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อเจคอวตารกลับมาอีกครั้ง ในอารมณ์หม่นหมองแต่แฝงด้วยพลังและความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม เขากลายเป็นตำนานผู้ขี่เงาสุดท้าย และกลับมาช่วยเหลือชาวเนวี มีบีตส์ที่พระเอก นางเอกกลับมาเข้าใจกัน ซึ่งจากการปูอารมณ์ของทั้งสอง ที่ต่างต้องสูญเสียสิ่งที่ตัวเองรัก และผ่านเหตุร้ายต่างๆมาร่วมกัน ทำให้ฉากนี้ ผู้ชมสามารถสัมผัสถึงความรัก ความเชื่อใจของทั้งสองได้อย่างชัดเจน หลังจากช่วยชีวิต
ดร.เกรซไม่สำเร็จ หนังก็ยกระดับไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ โดยการกระจายกันไประดมกำลังเนวี จากเผ่าต่างๆให้มาปกป้องแพนดอร่า และมีฉากนึงที่เป็นประโยชน์มาก คือ ฉากที่เจค เข้าไปอธิษฐานต่อ เอวา ให้ทรงประทานพลังและช่วยปกป้องผืนแผ่นดินนี้ ฉากนี้นอกจากจะปูเหตุผลที่มีน้ำหนักที่ทำให้เนวี มีชัยเหนือมนุษย์ได้แล้ว ยังสื่อถึง ความเชื่อและศรัทธาในเอวาอย่างเต็มเปี่ยมของเจค ก่อนที่หนังจะเข้าสู่ไคลแม็กซ์สงครามสุดท้ายอย่างอลังการ ตระการตา และลงตัว พร้อมทั้งส่งอารมณ์คนดูให้เต็มอิ่ม ด้วยฉากจบที่เจค สามารถอวตารไปอยู่ในร่างของเนวีโดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีใดๆ
ตัวละครรองต่างๆของเรื่องนี้ ไม่ค่อยมีมิติมาก เน้นความเรียบง่ายทางความคิด อย่างนายพลควอริช ที่ชั่วอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ดร.เกรซ ออกัสทีน ซึ่งมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง พ่อแม่ของเนย์ทิรีที่เป็นหัวหน้าชนเผ่าและผู้พยากรณ์ ความง่ายและตื้นของตัวละครเหล่านี้กลับไม่ทำให้หนังดูแย่ลงแต่อย่างใด เพราะมันต่างช่วยส่งพล็อตและตัวละครหลักให้ชัดเจน อย่างตัวทูเซย์ ซึ่งตอนแรกไม่เห็นด้วยและไม่ถูกกับเจค แต่ภายหลังเขาก็ยอมรับและเคารพความเป็นผู้นำของเจค หรือเพื่อนมนุษย์อย่างนอร์ม และดร.ออกัสทีน ซึ่งก็ไม่ได้มีมิติที่ตื้นเขินจนเกินไป รวมทั้งทรูดี้ ซึ่งทั้งสามคนนี้เป็นเหมือนกลุ่มตัวแทนฝ่ายดีของมนุษย์ ที่พร้อมที่จะยืนหยัดข้างเจค และต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง เหล่านี้ล้วนช่วยส่งให้เหตุการณ์และการกระทำของตัวละครหลักมีคุณค่ามากขึ้น คิดจะพักคิดถึงเรา ดูหนังออนไลน์ฟรี ส่วนตัวละครหลัก เจค ซัลลี่ นั้นจัดได้ว่า มีรายละเอียดสูงและมีพัฒนาการภายในที่ดีมาก ถึงแม้หนังจะแทบไม่ได้ปูภูมิหลังของเขา แต่เรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆที่ร้อยเรียงมาในเรื่อง ก็สื่อถึงตัวตน จิตใจ และอุดมการณ์ที่แท้จริงของเขา รวมทั้งเนย์ทิรี เนวีสาวที่หลงรักเจค ก็มีพัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไปทั้งต่อชีวิตและมุมมองด้านความรัก ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ดังนั้นถึงแม้ เนื้อเรื่องของ Avatar นี้จะอาจจะยังไม่ดีพอสำหรับออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ แต่เชื่อได้เลยว่า นี่จะเป็นเรื่องราวที่ผู้ชมประทับใจและจดจำไปอีกนาน
การออกแบบภาพของเรื่องนี้ โดดเด่น สวยงามและตระการตามากเท่าที่ภาพยนตร์เรื่องนึงๆจะทำได้แล้ว เริ่มจากการออกแบบสิ่งมีชีวิตต่างๆบนแพนดอร่า และเทคโนโลยีต่างๆของมนุษย์ ที่ถึงแม้จะไม่ได้สดใหม่ทุกอย่าง แต่ก็สวยงาม และตอบสนองการเดินเรื่องและอารมณ์ของผู้ชมได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ยานรบ ลำเลียง คุ้มกัน อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆของมนุษย์ สิ่งมีชีวิตบนแพนดอร่าอย่าง อิกราน ทาร์นาธอร์ โทลุค
หรือกระทั่งเมล็ดพันธ์แห่งจิตวิญญาณ และเรื่องนี้ ยังออกแบบสภาพแวดล้อมบนแพนดอร่า ได้สวยงามและอลังการมาก ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ยักษ์ที่เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าของเนย์ทิรี
ทฤษฏีภูเขาลอยได้ หรือป่าไม้เรืองแสงในยามค่ำคืนของแพนดอร่า รวมทั้ง เรื่องนี้ยังเรียกได้ว่า ถูกสร้างมาเพื่อระบบ 3 มิติอย่างแท้จริง ตั้งแต่ในระดับ screenplay และการออกแบบภาพ จะเห็นว่านอกจาก ฉาก close up ที่มีตัวละครอยู่บนเลเยอร์หน้าสุด และมี background ต่างๆเป็นเลเยอร์หลังแล้ว ยังมีบางฉากที่สร้างมาเพื่อเทคนิค 3มิติโดยเฉพาะ อย่างฉากที่เจคเพิ่งตื่นจากไคโร ที่เป็นภาพยานมุมลึกมาก
หรือจังหวะที่เนย์ทิรีเหนี่ยวคันธนูแต่ละครั้ง รวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดในป่า มักจะมีการเพิ่ม เลเยอร์ใกล้สุดเข้ามา เพื่อเพิ่มมิติให้ลึกและละเอียดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฉากที่เนย์ทิรีดึงใบไม้ลงมาดื่มน้ำ ฉากที่เนย์ทิรีรับคันธนูมา ก่อนที่พ่อจะสิ้นใจ หรือหลายฉากที่มีเมล็ดพันธ์แห่งจิตวิญญาณลอยผ่านหน้ากล้อง เหล่านี้ล้วนมีการแบ่งความตื้นลึกของภาพที่ละเอียดอย่างที่ไม่เคยมีหนัง 3มิติเรื่องไหนทำได้มาก่อน
ในแง่ของข้อคิด หรือสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการจะสื่อ ก็สอดแทรกไว้หลายประเด็น Avatar ได้ถ่ายทอดแนวคิดด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เปรียบเทียบชัดเจนนัก โดยหนังใช้ การกระทำและเดินเรื่องทางฝั่งทหาร ที่สื่อถึงความไม่แคร์ธรรมชาติหรือคนรอบข้างแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดโลกของแพนดอร่าให้เป็นธรรมชาติที่สวยงาม
และสมบูรณ์ คล้ายๆกับให้เราดูโลกที่สวยงามที่กำลังจะถูกทำลายและหันกลับมามองการกระทำของฝ่ายมนุษย์เอง ดังนั้น นี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ผู้ชมไม่เข้าข้างฝ่ายมนุษย์และเทใจให้เนวี นอกจากนี้ประเด็นสิ่งแวดล้อมยังถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของตัวละครและบทพูดต่างๆ เช่น การต้องมาแสวงหาแร่พลังงานใหม่ และที่สำคัญมาก คือช่วงที่เจคเข้าไปอธิษฐานต่อเอวา ที่ให้มองดูโลกจากความทรงจำของเกรซ มันไม่มีสีเขียวหรือความอุดมสมบูรณ์เหลืออยู่เลย แค่ dialog สั้นๆแต่ชาญฉลาดนี้ ก็ทำให้เราเข้าใจสภาพความเสื่อมโทรมของโลกอันเนื่องมาจากฝีมือมนุษย์ได้
นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังใช้แนวคิด เกี่ยวกับการอวตาร และภาวะเป็นหนึ่งทางจิตใจอย่างชาญฉลาด โดยจุดประกายให้คิดว่า เมื่อโลกมายา(ชีวิตในร่างอวตาร) มันเหมือนจริงและสมบูรณ์แบบ ขนาดนั้น เราจะเลือกที่จะอยู่ในชีวิตไหน ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ ไม่ใช่แค่การเลือกสิ่งที่จริง เพราะบางทีความจริงก็ยังไม่เพียงพอ(ซึ่งเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดได้ชัดอยู่แล้ว) แต่คือเลือกชีวิตที่มีคุณค่า ทั้งต่อตนเอง คนรอบข้าง
โลกภายนอก ส่วนประเด็นเรื่องภาวะเป็นหนึ่งทางจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าต่อการวิวัฒนาการของปัญญามาก โดยสะท้อนถึงคุณค่าของความรู้ไว้ด้วย โดยสิ่งนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อเนื้อเรื่องแล้ว ยังแฝงให้เราคิด
เกี่ยวกับการตีค่าสิ่งต่างๆ เช่น ในจังหวะที่ ดร.ออกัสทีน เถียงกับฝ่ายทหาร มีประโยคหนึ่งที่บอกว่า สิ่งที่มีค่าจริงๆไม่ได้อยู่ในดิน แต่มันคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราต่างหาก เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่หนังถ่ายทอดมุมมองการใช้ชีวิตได้อย่างดี สุดท้ายนี้ ทั้งจากเนื้อเรื่องที่เรียบง่ายแต่ละเมียดละไมซึ่งสะท้อนมุมมองและแฝงข้อคิด งานกำกับภาพที่สวยงาม ตระการตา และเทคนิคกราฟฟิกใหม่ที่เหมือนจริงเกินคำบรรยาย
ทำให้ Avatar เป็นภาพยนตร์ที่เต็มอิ่ม ด้วยอรรถรส ความสวยงาม และความลงตัวของเนื้อเรื่อง ที่จะตราตรึงใจผู้ชมไปอีกนาน และด้วยความถึงพร้อมในองค์ประกอบต่างๆ การสร้างและกำกับที่พิถีพิถัน ทำให้ Avatar ถูกสเป็ครางวัลออสการ์อย่างแน่นอน (คงเข้าชิงสาขาวิชวลเอฟเฟ็กต์ กำกับและภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเป็นอย่างน้อย) เรียกได้ว่า นี่จะเป็นภาพยนตร์ที่จะถูกกล่าวขานไปอีกนาน เช่นเดียวกับ Titanic และ the Lord of the Rings