
The Batman (2022) หนังเล่าถึง บรูซ เวยน์ (โรเบิร์ต แพททินสัน) ในตอนที่ยังหนุ่ม เลือดร้อน และกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ตามจับฆาตกรต่อเนื่อง เดอะริดเลอร์ ที่ไล่ฆ่าผู้มีอิทธิพลแต่ละเมืองด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม คนที่รับผิดชอบการสืบคดีนี้คือผู้หมวดกอร์ดอน โดยมีแคทวูแมนมาร่วมแจมด้วยในการตามจับฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างความวุ่นวายคนนี้ และนอกจากต้องตามจับคนร้าย บรูซ เวยน์ในวัยหนุ่มก็เจอความจริงบางอย่างที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับตระกูลของเขาในการคอร์รัปชัน
เรื่องย่อ ตลอดเวลา 3 ชั่วโมงของหนัง ‘The Batman’ มีคำถามผุดในหัวเต็มไปหมด ซึ่งหลายอย่างเราก็คุ้นเคยเหลือเกินทั้งตัวละคร เพนกวิน, เดอะริดเลอร์, แคทวูแมน, คาร์ไมน์ ฟัลคอน, อัลเฟร็ด, บรูซ เวย์น ฯลฯ
ภายใต้บรรยากาศฉ่ำฝน แดดแห้งเหือดของเมืองก็อตแธม และอดีตอันเลวร้ายที่ล่อหลอมให้บรูซ เวย์นเป็นแบทแมนซึ่งถูกเล่ามาจนช้ำจำได้ขึ้นใจ แต่ทว่าในร่องรอยความซ้ำหนังก็ยังมีมุมใหม่ ๆ มาชำระตาของเราไม่ต่างจากสายฝนที่หล่นลงมาชำระบาปที่เกาะแน่นดั่งฝุ่นโคลนในเมืองก็อตแธม
เพราะดูไปบ่นไปชอบ Batman อาจไม่ถึงขั้นหลงไหลแต่ซุปเปอร์ฮีโร่ที่ไร้พลังพิเศษผู้ผดุงความยุติธรรมยามคำคืนแห่งนคร Gotham ก็คือซุปเปอร์ฮีโร่หนึ่งเดียวใจดวงใจผู้เขียน นอกเหนือจากนี้ไม่ว่าจะจากค่ายไหนก็คืองานที่ดูสนุกแต่ดูผ่านแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเท่ามนุษย์ค้างคาวที่ได้เจอกันครั้งแรกเมื่อสามสิมสามปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นผู้เขียนก็กลายเป็นมีหน้าที่ต้องดูและสะสมหนัง Batman
ได้เห็นความรุ่งโรจน์และรุ่งริ่งของฮีโร่คนนี้มา จนกระทั่งมาเจอและต้องยกไว้บนหิ้งบูชากับ Batman ที่เป็นมนุษย์ที่สุดกับไตรภาค The Dark Knight ของ Christopher Nolan ที่ทำเอาเชื่อได้ว่าถ้ารวยเหมือน Bruce Wayne ก็เป็นฮีโร่ได้ แน่นอนว่าอาจเทียบกันไม่ได้กับฉบับ Tim Burton เพราะหนังออกมาคนละโทน แต่ถ้าจะให้เลือกเพียงหนึ่งขอเลือกของ Christopher Nolan
แล้วเมื่อตัวละคร Batman ได้โลดแล่นบนแผ่นฟิล์มมากว่าสามสิบปี ผ่านการเล่าเรื่องจากหลายผู้กำกับสิ่งหนึ่งที่ต้องแลกคือความเก่าและซ้ำเพราะมันเล่าบ่อย ความท้าทายที่จะหยิบเอาเรื่องของฮีโร่ผู้มีปมในใจคนเดิมคนนี้มาเล่าอาจจะไม่มีทางให้ไปมากนัก เพราะทุกคนรู้เรื่องของ Bruce Wayne เป็นอย่างดีหมดแล้วว่ามีความเป็นมายังไง ดังนั้นเมื่อมีข่าวว่าจะมาการสร้างหนัง Batman ขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่เกี่ยวกับจักรวาลใดๆ
ที่เคยมีมาโดย Matt Reeves แม้เขาจะมีเครดิตพอตัวแต่ความรู้สึกของผู้เขียนยังมองว่ามันเร็วไปและคิดว่าไม่น่าจะก้าวข้ามของเดิมที่เคยเล่ากันมา แต่ถึงกระนั้นด้วยความที่เป็นหน้าที่ที่ต้องดูจึงต้องพิสูจน์แต่คราวนี้สถานการณ์บังคับให้ต้องรอดูที่บ้านและหนังก็ลงสตรีมเร็วกว่าที่คาด จนเมื่อได้พิสูจน์ด้วยตาและหัวใจจึงพบว่า Matt Reeves ทำได้ในการหาความต่างมาเล่นจนเป็นของดีที่อาจไม่ใช่ที่สุด แต่ดีก็คือดี The Batman
หนังใหม่อัพเดทไวทุกวัน หาดูได้ไม่ยากอีกต่อไป เพียงแค่คุณ คลิกที่นี่ ดูหนังออนไลน์ฟรี
เมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม กับสองปีที่ผ่านไปหลังจากการออกกวาดล้างเหล่าร้ายยามค่ำคืนของหนึ่งบุรุษสวมหน้ากากที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ในทุกเงามืดจะมีความกลัวของเหล่าอาชญากรน้อยใหญ่อยู่ในนั้น และแม้ว่าเขาไม่สามารถตระเวนไปทั่งทั้งเมือง Gotham แต่เขาก็ได้สร้างความกลัวในใจอาชญากรที่เมื่อเห็นสัญลักษณ์บนท้องฟ้าที่หมายความว่าบุรุษผู้มากับความมืดเสมือนดั่งเงาแห่งความแค้น
กำลังออกล่าเดนทรชน เขาคนนั้นคือบุรุษผู้อยู่ในผ้าคลุมและหน้ากากคางคาวผู้ถูกขนานนามว่า Batman จนเมื่อจะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีแล้วมีการฆาตกรรมนายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน แล้วฆาตกรได้ทิ้งปริศนาบางอย่างให้กับ Batman เรื่องราวที่ซับซ้อนจึงตามมา
เมื่อนักสืบ James Gordon (Jeffrey Wright) ตามตัว Batman มาร่วมไขคดี และ Batman เองที่มีชีวิตอีกด้านคือมหาเศรษฐี Bruce Wayne (Robert Pattinson) จึงได้ร่วมมือกับ Alfred (Andy Serkis) พ่อบ้านอดีตสายลับ MI6 ถอดรหัสปริศนา จึงพบว่าปริศนาที่ถูกทิ้งไว้คือการเปิดโปงความฉ้อฉลของคนที่ใส่หน้ากากคนดีในสังคมอย่างนายกเทศมนตรีที่เชื่อมโยงไปยังไนท์คลับลับของ Oz เจ้าของฉายา The Penguin (Colin Farrell) สมุนมือขวาของเจ้าพ่อ Carmine Falcone (John Turturro) และการพบกันของ Batman กับ Penguin ก็ทำให้เบาะแสบางอย่างปรากฎผ่าน Selina Kyle (Zoë Kravitz) หญิงสาวที่ทำงานในไนท์คลับนั้น Batman จึงตามสืบไปทางเธอและพบว่าเธอคือนักย่องเบาที่มีวัตถุประสงค์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ Carmine Falcone
จนกระทั่งเหยื่อรายต่อมาปรากฎขึ้นเรื่อยๆและปริศนาก็ถูกโยนเข้าหา Batman และ Jim Gordon เรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเขาก็พบว่าฆาตกรต่อเนื่องที่สังหารเจ้าหน้าที่ผู้ฉ้อฉลจนทำให้ Gotham กลายเป็นเมืองที่เสื่อมโทรมเกินเยียวยาคือ The Riddler (Paul Dano) ที่มีจุดหมายในการเปิดโปงขวานการแห่งความฉ้อฉลที่เป็นโครงข่ายของเจ้าหน้าที่กับมาเฟียอย่าง Carmine Falcone และแน่นอนว่า Batman ต้องร่วมมือกับ Jim Gordon เพื่อจับ The Riddler ให้ได้โดยมี Selina Kyle เป็นตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับ Carmine Falcone แต่เรื่องก็ไม่ง่ายเมื่อมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับตัวของ Bruce Wayne เองเป็นเรื่องส่วนตัวที่เกี่ยวพันกับ The Riddler และ The Riddler ก็มีอะไรซ่อนไว้ในแผนการปั่นหัว Batman ครั้งนี้ ที่ทำให้ Batman ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยนคร Gotham ให้พ้นจากหายนะ
เมื่อเล่าเหตุการณ์หลังจากที่ Batman ออกมาปราบอาชญากรมาแล้วสองปี ความสัมพันธ์ระหว่างง Batman กับ Jim Gordon ได้ผ่านอะไรมาจนเชื่อใจกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันคือของที่ทุกคนรู้แล้วเพราะเล่ามาบ่อย แต่ถ้าหากลองนึกดูโดยเฉพาะคนที่เคยดูซีรีส์ Gotham มาตลอดอย่างผู้เขียนจะมองเห็นมิติบางอย่างที่เหมือนกับเอาซีรีส์ Gotham มาเป็นพิมพ์เขียว หรืออาจเรียกได้ว่าต่อยอดมาจากเรื่องนั้นเช่นมิติของตัว
Alfred ที่เป็นอดีตสายลับ MI6 ที่ซีรีส์อธิบายไว้ชัด รวมถึงทักษะการต่อสู้ของ Bruce Wayne ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก Alfred หรืออาจรวมไปถึงจุดสุดท้ายของซีรีส์ที่เผยโฉม Batman ที่ถ้านึกภาพตรงนั้นออกก็คล้ายกับเรื่องราวถูกสานต่อมาจากตรงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าคนที่ไม่เคยดูอาจจะรูสึกว่าบางอย่างมันไม่ชัด แต่เรื่องราวเบื้องหลังหรือปมของเรื่องมันก็ยังเป็นเรื่องเดิมที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วเป็นสารตั้งต้น
เรื่องจึงเล่าไปได้แบบไม่ต้องไปพะวงหลังจึงทำให้เรื่องนี้มีความต่างเมื่อไม่พยายามเล่าเรื่องชีวิตสองหน้าของ Bruce Wayne แต่เล่าถึงภารกิจล้างเดนทรชนและสืบหาตัวฆาตกรต่อเนื่องของ Batman
เต็มที่เพราะชื่อเรื่องก็บอกแล้วว่า The Batman มิใช่ The Bruce Wayne เรื่องจึงไม่ใช่ความมืดดำกึ่งแฟนตาซีเหมือนฉบับ Tim Burton ไม่ฉูดฉาดหวือหวาเหมือนฉบับ Joel Schumacher ไม่ใช่ดราม่าอาชญากรรมสุดระทึกในแบบของ Christopher Nolan แต่ Matt Reeves ได้สร้างทางใหม่บนของเดิมให้มีตัวตนของตนเองกับความเป็นหนังนัวร์ยุคใหม่ที่อึดอัด กดดัน ดิ่งลึกทางอารมณ์
และถ้าจะเอาจริงยังมีความตลกร้ายให้หัวเราะบนความเครียดอยู่บ้าง ด้วยการเสนอโทนเรื่องที่เป็นงานสืบสวนเข้มๆที่อาจมีบ้างที่คิดถึงงานของ David Fincher แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น Matt Reeves
ก็ได้สร้างหนัง Batman ในแบบของเขาให้ออกมาลงตัวและดีงาม
ด้วยการเดินเรื่องการสืบสวนแบบประดิดประดอย ค่อยๆเผยชิ้นส่วนต่างๆออกมาทำให้หาช่องว่างไม่เจอเพราะเล่าได้ค่อนข้างละเอียด แต่เมื่อถึงเวลาตูมตามก็จัดมาเต็มกำลังเพราะนี่คือหนังทุนสูงแม้จะเห็นความเป็นอินดี้อยู่บ้างกับการคิดอะไรที่ดูแตกต่าง เพราะเมื่อเล่าเรื่องไปถึงจุดที่เหมาะสมฉากแอ็คชั่นยังมันส์ในระดับที่คนดูนั่งนิ่งติดกับภาพในจอได้อย่างสมใจเช่นฉากขับรถไล่ล่า
ที่ทั้งมุมกล้องและการตัดต่อสร้างความเร้าใจจนคนรักหนังตัวเล็กนั่งนิ่งไม่ไหวติงกับภาพที่เห็น ซึงถ้าจะให้ลงลึกไปอีกก็คงเป็นเพราะการสร้างทางใหม่บนทางเดิมในบทหนังของ Matt Reeves และ Peter Craig ที่ยังมองเห็นการหยิบเอาชิ้นส่วนที่ได้ผลจากซีรีส์ Gotham และไตรภาค The Dark Knight มาใช้ร่วมกันได้อย่างลงตัวทำให้ส่วนผสมที่ว่าพาให้นี่คือหนัง Batman ที่ดู “จริง”
มากที่สุดและดูมีความเป็นมนุษย์ที่สุดไม่ต่างจากงานของ Christopher Nolan
เพราะนี่คือความดิบที่ไม่ได้ปรุงแต่งด้านตัวละครที่นอกจาก Jim Gordon แล้วดูเหมือนจะไม่มีใครขาวสักคนดีที่สุดก็เป็นสีเทาเท่านั้น ความดิบที่ว่ายังลงมาถึงคอสตูมที่ออกแบบมาให้เป็นความจริงที่สามารถมีได้ทำให้ยิ่งมองเห็นว่าเรื่องนี้คือเรื่องที่มีได้บนโลกจริงๆ กระทั่งตัวร้าย The Ridler ที่ไม่ใช่หลุดออกมาจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์แต่มีความผิดปกติที่เหมือนเป็นกระจกคนละด้านกับ Bruce Wayne ทำให้คนรักหนังตัวเล็กเอ่ยออกมาว่านี่คือ The Ridler ที่ดีที่สุดเพราะไม่ออกมาตลกและดูเป็นจริงที่สุดเช่นเดียวกับ Bruce Wayne ที่ดูหมองและมีปูมหลังในครอบครัวที่เป็นรอยด่างไม่ใช่ฮีโร่จ๋าอย่างที่เคยรู้จัก ทำให้เห็นชัดในแรงขับจากความวิปริตกับความแค้นที่มาประทะกัน จนในความเก่าที่เล่ามาซ้ำๆเหมือนมีพลังที่เป็นแรงส่งที่ชัดเจนกว่า และส่งผลการสร้างความต่างครั้งนี้มีผลออกมาเป็นเลิศ
นี่คือหนังที่ผู้เขียนดูสองรอติดกันภายในวันเดียว รอบแรกดูเองเพราะต้องดูก่อนว่าคนรักหนังตัวเล็กดูเนื้อหาและอารมณ์ของหนังที่ออกมาประมาณนี้ได้หรือไม่ (ผู้เขียนยังไม่ให้เขาดู Joker) แต่เมื่อดูรอบแรกแล้วก็มองว่าไม่น่าจะเป็นอะไรเพราะหนังไม่ได้ออกมามีภาพความรุนแรงมากมายด้วยเรท PG-13 เพียงแต่ด้วยความซับซ้อนและการเดินเรื่องที่เป็นงานสืบสวนสอบสวน และโทนเรื่องกับอารมณ์ที่ดิ่งขมึงตึงเลยไม่แน่ใจเท่านั้น แต่เมือได้ดูพร้อมกันอีกครั้งปรากฎว่าเด็กอายุสิบสี่นั่งนิ่งติดตรึงไปกับหนังได้อย่างน่าประหลาด เมื่อดูจบจากปากคำเขาบอกหนังออกมาสนุก ที่ควรได้อารมณ์ก็ได้ที่ควรสนุกแบบหนังซุปเปอร์ฮีโร่ก็มี ที่สำคัญเขาบอกว่าจากเรื่องนี้เหมือน DC จะเข้าใกล้กับ Comics เข้าไปอีกขั้น ซึ่งมันมาจากความสมจริงของเหตุการณ์ และเมื่อหนังมันออกมาดีจนเด็กอายุสิบสี่ดูสนุกแบบไม่ลุกไปเข้าห้องน้ำก็ถือว่าเยี่ยม
ซึ่งก็ถือว่า Matt Reeves ทำโจทย์ที่ยากให้ออกมาได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เพราะอย่างที่รู้กันคือหนัง Batman ตัวละคร Batman มันออกมาบ่อยเหลือเกินใช่วงหลัง การเอาอะไรที่มันซ้ำซากมาเล่าให้มีทางไปของตนเองจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ Matt Reeves ก็ทำได้ดีในการสร้างเรื่องให้ออกมาเป็นความสดใหม่ในความเก่าเก็บ หรืออาจจะบอกได้ว่าอะไรที่ควรเก็บไว้ก็เก็บ อะไรที่ควรแหวกไปเลยก็แหวกจนทำให้ได้ Batman ในแบบของตนเองที่สามารถต่อยอดไปจากตรงนี้ได้อีกไกลถ้าเลือกจะไปต่อ และที่สำคัญคือความรู้สึกคนดูที่เป็นแฟน Batman ที่เริ่มจากความคิดที่ว่าพอบ้างเถอะกับการสร้างทางไปใหม่ๆหรือการีบู๊ทบ่อยๆ แต่เมื่อมาดูจบกลับกลายเป็นความชอบที่กล้าเล่าเรื่องให้เป็นแบบนี้ แม้ว่าถึงที่สุดในความรู้สึกของผู้เขียนหนังจะยังก้าวข้ามไตรภาค The Dark Knight ในเรื่องความยอดเยี่ยมไม่ได้ แต่ก็เป็นระดับประทับใจจนต้องมาร่ายยาวประมาณนี้
รีวิวหนัง รีวิวซีรีย์ สปอยหนังเราก็ยังมี ที่นี่เลย รีวิวหนังออนไลน์