
Tumbbad (2018) คำสาปแห่งทุมบ์บาด เป็นเรื่องราวของแนวสยองขวัญปนลึกลับที่ได้นำเอาตำนานความเชื่อในคำภีร์พระเวทย์โบราณ มาผสมผสานกับตำนานเรื่องลึกลับพื้นบ้านที่เล่ากันว่ามีอยู่จริงในหมู่บ้านทุมบ์บาด โดยมีครอบครัวหนึ่ง ผู้เป็นสามีได้ไปค้นพบสมบัติที่ซ่อนอยู่ในวิหารเก่าแก่ เขาเป็นคนเดียวที่รู้วิธีชิงเอาสมบัติมาจากปีศาจที่เฝ้าอยู่ แต่เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อคนอื่นๆ รวมทั้งลูกชายของเขา ต่างต้องการสมบัติที่มากขึ้น
เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1918 ทางตะวันตกของประเทศอินเดีย โยคิณีหญิงม่ายนางหนึ่งได้มาทำงานกับผู้ว่าการเมืองตระกูลใหญ่และร่ำรวยเพราะบูชา “ฮาสตาร” เทพแห่งความมั่งคั่ง นางมีลูกชาย 2 คนคือ วินายักและศดาชีวะ หน้าที่ของนางคือการทำอาหาร ป้อนอาหาร เปลี่ยนเสื้อผ้าและตัดผมตัดเล็บให้กับ “ย่าทวด” ที่ถูกขังอยู่ในสถูปร้างบริเวณที่ดิน ทูมบัด ซึ่งเป็นของผู้ว่าฯ ย่าทวดผู้นี้มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวราวกับปีศาจ นั่นก็เพราะในอดีตนางไปขโมยทองคำจากฮาสตารและหนีไม่ทันจึงถูกกัดและกลายเป็นปีศาจ ต้องถูกกักขังและป้อนอาหารทุกวันให้หลับอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นมาอาละวาดทำร้ายใคร
แต่แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ก็พลิกผันเมื่อศดาชีวะเกิดอุบัติเหตุจนแม่ต้องพาเขาไปหาหมอในเมือง วินายักต้องทำหน้าที่ให้อาหารย่าทวดแทนแม่ แต่เขากลับกลัวจนปล่อยให้ย่าทวดตื่นขึ้นมา ด้วยความโลภของวินายักเขากลับต่อรองกับย่าทวดให้บอกที่ซ่อนทองคำ แต่นั่นกลับทำให้นางโกรธจนต้องการจะฆ่าวินายัก เขาตกใจกลัวแต่ในที่สุดก็นึกถึงคาถาที่แม่บอกเอาไว้ออก ” นิทราเสียเถิดย่าทวดไม่เช่นนั้นฮาสตารจะมาหาท่าน” เมื่อท่องแล้วนางก็หลับไปทันที ศดาชีวะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนั้น สองแม่ลูกจึงตั้งใจย้ายไปอยู่เมืองอื่น แต่ระหว่างนั้นวินายักต้องการให้แม่ไปขโมยทองคำจากฮาสตาร แม่โกรธเขามากและยังบอกว่ารักน้องชายมากกว่า นับแต่นั้นทั้งสองจึงตัดแม่ตัดลูกกัน หนังใหม่อัพเดทไวทุกวัน หาดูได้ไม่ยากอีกต่อไป เพียงแค่คุณ คลิกที่นี่ ดูหนังออนไลน์ฟรี
14 ปีผ่านไป วินายักเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มกร้านโลกแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือเขายังคิดถึงทองคำของฮาสตารอยู่เสมอและได้เช่ารถรวมถึงเครื่องมือค้นหาทองคำมามากมายและได้เดินทางกลับไปยังทูมบัดอีกครั้ง ซึ่งนั่นเองคือจุดเริ่มต้นแห่งความสยองครั้งใหม่ที่กิเลสตันหานำพาให้ความหายนะเกิดขึ้นอีกครั้ง ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นกับวินายัก อาถรรพ์ทองคำของฮาสตารจะทำให้เขาต้องพบเจอเรื่องราวสยองอย่างไรบ้าง ShopBack Blog แนะนำให้เพื่อนๆ ลองไปดูกันนะคะ เพราะนี่คือหนังสยองขวัญผสมผสานตำนานพื้นบ้านที่สนุก ตื่นเต้น และโปรดักชั่นดีมากๆ เรื่องหนึ่ง คนรักหนัง Horror ห้ามพลาด!
ตามตำนานที่ถูกกล่าวในเรื่อง Tumbbad ได้กล่าวไว้ว่า แต่แรกเริ่มนั้นโลกถูกสร้างขึ้นโดยเทีแห่งความรุ่งเรืองผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่ง รวมถึงให้กำเนิดเทพและเทพี 16,000 องค์ที่กลายมาเป็นเทพฮินดูที่มนุษย์นับถือ โลกซึ่งก็คือครรภ์ของนางเต็มไปด้วยทองคำและเมล็ดพืชพันธุ์จำนวนมากแบบไม่สิ้นสุด จากครรภ์นี้เองที่ให้กำเนิดเทพองค์แรกซึ่งนางโปรดปรานที่สุด นั่นก็คือ ฮาสตาร ซึ่งมีนิสัยชั่วร้ายและโลภมาก เขาต้องการครอบครองความมั่งคั่งของมารดาและยังต้องการเป็นเทพเจ้าหนึ่งเดียวในจักรวาล ด้วยเหตุนี้ทำให้บรรดาพี่น้องหันมาทำสงครามกับเขา ฮาสตารพ่ายแพ้ในที่สุด
แต่ด้วยความรักจากผู้เป็นมารดา เทพีแห่งความรุ่งเรืองจึงชุบชีวิตของเขาขึ้นมาใหม่และกักขังเขาไว้ในครรภ์ของนาง ซึ่งนั่นทำให้ยังคงมีความโลภอยู่บนโลก แต่ฮาสตารจะไม่มีวันได้รับการบูชาจากมนุษย์ ชื่อของเขาจะถูกลบออกจากคัมภีร์ปุรณะ เขาจะมีทองคำอยู่เต็มผ้าขาวม้าที่นุ่งแบบไม่มีวันหมด แต่เขาจะไม่มีวันได้กินอาหารและธัญพืช นั่นจะทำให้เขาต้องรู้สึกหิวไปตลอดกาล
จากในหนังเรื่อง Tumbbud ตระกูลของผู้ว่าการเมืองที่มีความโลภละเมิดข้อห้ามนี้ด้วยการใช้แป้งโรตีปั้นเป็นตุ๊กตาเพื่อใช้ในการถวายแก่เทพฮินดูฮาสตาร โดยอาศัยทางลับในบ่อน้ำเป็นเส้นทางลงไปสู่ถ้ำประหลาดที่คล้ายกับเป็นครรภ์ของเทพี จากนั้นจะล่อฮาสตารออกมาโดยถือตุ๊กตาแป้งเอาไว้และยืนอยู่ในวงกลมศักดิ์สิทธิ์และระหว่างที่ฮาสตารกินขนมปังก็จะทำการขโมยทองคำและรีบกลับออกมาจากถ้ำ เป็นที่มาของความร่ำรวยของคนในตระกูลนี้นั่นเอง
ด้วยเรื่องราวที่ระทึกชวนตื่นเต้นของ Tumbbud หลายคนอาจสงสัยว่าเทพฮาสตารมีตัวตนจริงหรือไม่ แม้ในหนัง Tumbbud จะกล่าวว่าฮาสตารคือเทพเจ้าในศาสนาฮินดู แต่กลับไม่มีการกล่าวถึงฮาสตารในตำนานของอินเดีย ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ตัวหนังนำมาผูกเรื่องราวในประเด็นที่ฮาสตารถูกลบชื่อออกจากคัมภีร์ปุรณะตามเงื่อนไขการช่วยชีวิตเขาทำให้ชื่อของฮาสตารถูกลบออกไปจากโลกของเรานั่นเอง แต่จากเรื่องราวของฮาสตารนั้นอาจเรียกได้ว่ามีแรงบันดาลใจมาจากตำนานเทพ 2 องค์ องค์แรกเป็นเทพกรีก-โรมันอย่าง โครนอส (Cronos) และ แมมอน เทพหรือปีศาจในคัมภีร์ไบเบิล นั่นเอง
หากจะกล่าวถึงโครนอสเราคงต้องย้อนกลับไปเมื่อโลกและจักรวาลยังคงว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความวุ่นวาย (Chaos) จากนั้นจึงกำเนิดเป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า อูรานอส (หรือยูเรนัส) และเทพีแห่งผืนดินและโลก ไกอา ทั้งคู่ครองรักกันบนยอดเขาโอลิมปัสและได้ให้กำเนิดสรรพสิ่งมากมายรวมถึงบรรดาเทพไททันทั้ง 12 องค์ขึ้นมารวมถึง โครนอส (Cronos / Kronos) ด้วย
แต่ด้วยความที่ไททันทั้ง 12 องค์มีร่างกายใหญ่โตและมีพละกำลังมาก อูรานอสกลัวว่าบรรดาลูกของตนจะมาแย่งชิงบัลลังก์(บางตำราก็ว่าอูรานอสกลัวลูกจะมาแย่งความรักจากเทพีไกอาไป) เขาจึงส่งเหล่าไททันลงไปยังขุมนรกทาร์ทารัส ต่อมาเทพีไกอาให้กำเนิดยักษ์ตาเดียวหรือไซคลอป 3 ตน ก็โดนอูรานอสส่งไปยังทาร์ทารัสอีก จากนั้นไกอายังได้ให้กำเนิดอสูรที่ทั้งดุร้ายและน่าเกลียดน่ากลัวกว่าเดิมคือเป็นปีศาจที่มี 50 หัวและมี 100 แขนจำนวน 3 ตน ก็ยังถูกอูรานอสส่งลงไปยังทาร์ทารัสเช่นเดิม
ไกอาที่ทนไม่ไหวจึงลงไปยังทาร์ทารัสและยุยงให้ลูกๆ ของตนแย่งอำนาจจากบิดาให้ได้ ซึ่งในบรรดาบุตรธิดาทั้งหมดมีเพียงโครนอสเท่านั้นที่กล้าลงมือ ไกอาจึงประทานอาวุธวิเศษอย่างเคียว “อดามันไทด์” ให้กับโครนอส เมื่อสบโอกาสเขาได้ใช้เคียวนั้นจู่โจมอูรานอส จนโครนอสเอาชนะบิดาของตนได้และทำการปลดปล่อยพี่น้องทั้งหมด แต่ด้วยความแค้นอูรานอสได้สาปโครนอสเอาไว้ว่า วันหนึ่งเขาจะถูกลูกมาแย่งชิงบัลลังก์เช่นเดียวกับที่โครนอสกระทำต่ออูรานอส
โครนอสขึ้นปกครองโอลิมปัสและแต่งงานกับรีอาผู้เป็นหนึ่งในไททันพี่น้องของตน แต่ด้วยความกลัวว่าคำสาป (บางตำราก็ว่าโครนอสหวาดกลัวไปเองไม่ได้โดนสาป) จะเป็นจริงเขาจึงกลืนลูกตัวเองทุกครั้งที่มีบุตรธิดาเกิดมา จนเมื่อถึงบุตรองค์ที่ 6 รีอาทนไม่ไหว นางจึงออกอุบายให้โครนอสกลืนหินแทนและนำบุตรองค์เล็กซึ่งก็คือ ซูส ไปให้นางอัปสรเนเรียดเป็นผู้เลี้ยงดูบนยอดเขาไอดาและยังให้บริวารของนางมาเป็นอาจารย์ให้ซูส และเมื่อเขาโตขึ้นก็ได้ไปชิงบัลลังก์ของโครนอสผู้เป็นบิดามาจนเอาชนะได้และกรอกน้ำยาทำให้โครนอสสำรอกบุตรธิดาทั้งห้าออกมา นั่นคือ โพไซดอน ดีมีเทอร์ เฮร่า ฮาเดส และเฮสเทียนั่นเอง จากนั้นซูสจึงได้โค่นล้มไททันองค์อื่นๆ และนำพวกเขาหั่นเป็นชิ้นๆ ก่อนนำไปขังไว้ที่ทาร์ทารัส แต่สุดท้ายโครนอสก็หลบหนีไปได้
ในช่วงยุคทองของโครนอสนั้นนอกจากเป็นเทพแห่งกาลเวลาแล้ว เขายังถูกสักการะในฐานะเทพแห่งการเก็บเกี่ยวหรือเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่งอีกด้วย ภาพของโครนอสจึงมักเป็นเทพที่ถือเคียวไว้ในมือ ซึ่งเคียวนี้เองที่ได้รับประทานมาจากไกอาผู้เป็นมารดาซึ่งเขาใช้เอาชนะอูรานอสและใช้ในการเก็บเกี่ยวพืชผลต่างๆ บนโลกมนุษย์
ตามคำศัพท์ในพระคัมภีร์ไบเบิล แมมมอน (Mammon) ถูกใช้เพื่ออธิบายถึงความมั่งคั่งร่ำรวยและวัตถุเงินทอง พระเยซูได้ใช้คำนี้ในการเทศน์บนภูเขาและยังปรากฎอยู่ในพระวรสารนักบุญลูกา (The Gospel According to Luke) นักเขียนในยุคกลางมักตีความคำว่า แมมมอน ว่าเป็นปีศาจที่ชั่วร้ายหรือเทพเจ้า กระทั่งช่วงศตวรรษที่ 16 มีการใช้คำว่าแมมมอนในเชิงลบเพื่ออธิบายถึงความโลภและการแสวงหาความมั่งคั่ง
รากศัพท์ของคำว่าแมมมอนค่อนข้างเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการ แต่จากพันธสัญญาใหม่นั้นคำนี้ได้ถูกนำไปใช้ในบริบทของความมั่งคั่ง ร่ำรวย และการแสวงหาเงินทองอย่างที่เราได้กล่าวไป เมื่อเวลาผ่านไป แมมมอน มีตัวตนปรากฎในศิลปะและวรรณกรรมมากขึ้น ซึ่งตัวตนของแมมมอนที่เรารู้จักกันดีก็มาจากนักเทววิทยาในยุคกลางที่ได้กล่าวว่า แมมมอน คือ 1 ในบาป 7 ประการที่หมายถึง ความโลภ (Greed) นั่นเอง
เมื่อมารดาของเทพ(ในอินเดีย)ให้กำเนิดเทพทั้งมวล แต่กลับมีเทพองค์เดียวที่เป็นที่รักยิ่ง แต่เทพองค์นั้นกลับกลายเป็นปิศาจที่กัดกินมารดาของตัวเองอีกทั้งยังจะทำร้ายเทพองค์อื่นและมนุษย์ เทพองค์นั้นชื่อฮาซาร์ จนในที่สุดมารดาแห่งเทพทั้งมวลได้ผนึกปิศาจร้ายนี้ไว้ครรภ์ของตนเองอีกครั้ง และเทพตนอื่นๆก็ห้ามไม่ให้มนุษย์บูชาหรือระรึกถึงเช่นกัน แต่ไม่ใช่กับคนในทุมบ์บาด…
นายาร์โตขึ้นมาอย่างยากจนพร้อมน้องชายในทุมบ์บาด และรู้แค่ว่าแม่เขาเป็นเมียน้อยเศรษฐีคนหนึ่งที่ปัจจุบันไร้ทรัพย์และกำลังจะตายด้วยโรคชรา และต้องทนเลี้ยงย่าของตัวเอง(แม่ของเศรษฐี ที่เขาฝากไว้ให้เธอดูแลนานแล้ว)ที่ป่วยเป็นโรคประหลาดร่างกายเหวอะแหวะ และต้องขังอยู่ในห้องให้แค่ข้าวเพียงอย่างเดียว โดยสิ่งที่นายาร์รู้ก็แค่ให้ข้าว ห้ามให้หิว จนวันหนึ่งที่เขาถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในบ้าน ความจริงก็เปิดเผยว่า ย่าที่เขาขังไว้ในห้องที่คิดว่าป่วยแท้จริงแล้วโดนสิงและไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
ต่อมาเศรษฐีตาย ต่อมาน้องชายของนายาร์ตกกำแพงบาดเจ็บสาหัส และแม่เขาก็พาน้องไปหาหมอ แต่น้องตายระหว่างทาง เธอจึงบอกให้คนขับเกวียนพาเธอไปที่บ้านเศรษฐีอีกครั้งแล้วฉากก็ตัด (หนังใบ้เป็นนัยๆเรื่องให้เราว่าในบ้านเศรษฐีมีอะไรถ้าเราดูไปถึงกลางเรื่องแล้ว แต่เด่วจะสปอยช่วงหลังทีเดียว) ฉากจะตัดกลับมา แม่กลับมาที่บ้านแล้วบอกว่าน้องตายแล้ว(แต่ไม่มีศพกลับมา) นายาร์ทั้งกลัวและบอกแม่ว่าปิศาจที่เราเลี้ยงไว้ในคราบย่าน่าจะรู้ว่ามีสมบัติ เพราะนางได้พูดล่อลวงเขาหลายรอบขณะที่อยู่คนเดียว แต่แม่เขาไม่ตอบ พร้อมกับเผาบ้าน เอาของที่มีขึ้นเรือแจว แล้วเอาทองชิ้นหนึ่งให้นายาร์ดูแล้วบอกว่าที่แกอยากได้คือเงินสินะ แกไม่เคยคิดอะไรเลยนอกจากเรื่องเงิน แล้วให้สาบานว่าอย่ากลับมาที่ทุมบ์บาดอีก
15 ปีต่อมา นายาร์กลับมาที่บ้านที่ทุมบ์บาดหลังจากแม่ตาย มีต้นไม้ปกคลุมซากทั้งบ้าน จนเขาเดินเข้ามาข้างในเรื่อยๆจึงพบกับคนที่เขาเคยเรียกว่าย่ายังไม่ตาย แต่สภาพเหมือนจะเป็นปุ๋ยเต็มที่แล้ว และมีต้นไม้งอกมาจากตัวย่า ตอนนี้ปิศาจไร้พิษสง แต่ด้วยความที่เคยเป็นมนุษย์และนายาร์คือ ลูกหลาน นางจึงเล่าให้ฟังว่านี่คือคำสาปของคนที่ละโมภหลงในเงินตรา เศรษฐีนั่นคือพ่อของเขา อย่าให้สายเลือดแห่งความโลภครอบงำ และขอให้เขาเผาเธอจะได้เป็นอิสระจากคำสาปนี้สักที ก่อนที่จะตายนางได้บอกว่าให้ทุกอย่างจมหายไปกับบ้านหลังนั้นเถอะ อย่าเข้าไปอีกเลย แต่นายาร์ไม่ฟัง…
**ให้นึกย้อนกลับไปซีนที่แม่ของนายาร์บอกให้พาน้องชายเขาไปที่บ้านเศรษฐีทั้งที่ไม่มีคน ไม่มีเจ้าของอยู่ หลังเศรษฐีตาย ก็คือนางใช้ลูกตัวเองสังเวยให้เป็นอาหารฮาซาร์ แล้วขโมยทองมาได้แค่ชิ้นเดียว (รู้ความจริงมาสักพักแล้วกลัวก็กลัว แต่ความจนน่ากลัวกว่า)
ลูกชายเขาจึงรับช่วงต่อ โดยที่พ่อเขาสั่งสอนมาตลอดว่าให้คว้าตะเกียง ไต่เชือกให้เร็ว วิ่งให้ไว โดยที่เขารู้แค่นั้นเพราะพ่อไม่ได้บอกอะไรเขาอีก นายาร์เองไม่ชอบลูกชายด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่รู้นะ หนังไม่ได้บอก ในหนังเหมือนพอช่วงหลังๆนายาร์เก็บทองจากปิศาจมาไม่ได้ก็กลายเป็นคนละคน เอาเงินไปบำเรอผู้หญิง มีเมียน้อยงี้ แทบจะไม่พูดกับเมียหลวงเลยนับตั้งแต่เกิดเรื่องเมียน้อย (ในหนังแสดงเรื่องชนชั้นผู้ชาย-หญิงชัดเจน ผู้ชายทำถูกทุกอย่าง ผู้หญิงไม่มีปากเสียง)
สุดท้ายแล้วความโลภก็กัดกินทั้งพ่อทั้งลูก รอบนี้ทั้งสองคนวางแผนที่จะขโมยผ้าที่ให้กำเนิดทองคำมาจากปิศาจโดยตรง แต่แผนการพลาดกลายเป็นว่าพ่อต้องเสียสละตัวเองให้ปิศาจกินเพื่อให้ลูกรอด และนี่เป็นตอนเดียวและครั้งเดียวในชีวิตที่ลูกชายของนายาร์รู้ว่า พ่อเขาก็รักเขาเช่นกัน รีวิวหนัง รีวิวซีรีย์ สปอยหนังเราก็ยังมี ที่นี่เลย รีวิวหนังออนไลน์